ประเพณีวันเข้าพรรษา
ประวัติวันเข้าพรรษานั้นเริ่มต้นจากเมื่อสมัยพุทธกาลโดยพระพุทธเจ้าเป็นผู้กำหนดขึ้นเนื่องจากมีผู้มาเรียกเรียนว่าพระภิกษุสงฆ์เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยไม่หยุดหย่อนเลยแม้กระทั่งหน้าฝนที่ฝนตกหนัก
และน้ำหลาก การเดินทางลำบาก
กระทั้งบางครั้งพระสงฆ์เหล่านั้นยังเดินไปเหยียบย่ำพืชผัก หรือผลผลิตที่กำลังเติบโต
และกำลังผลิดอกออกผล ได้รับความเสียหาย
ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้กำหนดให้ฤดูฝนเป็นฤดูสำหรับการหยุดพักการเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาของพระสงฆ์โดยกำหนดให้ตั้งแต่วันแรม
1ค่ำเดือน 8 เป็นวันเข้าพรรษา
จนถึงวันขึ้น 15ค่ำเดือน 11และ เป็นวันออกพรรษา เพื่อพระสงฆ์จะได้หยุดพักจากการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
และได้ปฏิบัติและศึกษาพระธรรมเพิ่มเติม
และสั่งสอนลูกศิษย์หรือพระใหม่ที่เพิ่งบวชได้ร่ำเรียนธรรมะอย่างเต็มที่
โดยให้พระสงฆ์อยู่ประจำที่ไม่ไปจำวัดที่อื่นตลอดระยะเวลา 3เดือนที่เข้าพรรษานั้นแม้แต่คืนเดียว
หากพระสงฆ์ไม่สามารถกลับมาทันก่อนรุ่งสางถือว่าภิกษุนั้นขาดพรรษา
แต่มีข้อยกเว้นหากมีเหตุจำเป็นไม่สามารถกลับมาได้ทัน แต่ต้องกลับมาภายใน 7วัน นั้นคือ
1.
ไปรักษาภิกษุหรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
2.
ไปห้ามไม่ให้ภิกษุสงฆ์นั้นสึกออกจาการเป็นพระสงฆ์
3.
ไปเพื่อธุระของคณะสงฆ์ เช่น
การไปยารักษาโรคหรืออุปกรณ์ซ่อมแซมศาสนะสถาน
4.
ทายกนิมนต์ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขา
หากมีเหตุจำเป็นเหล่านี้พระสงฆ์สามารถกระทำ
สัตตาหกรณียะ คือ ไปค้างที่อื่นได้
โดยไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษาหรืออาบัติแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากจะห้ามดังกล่าวแล้วพระสงฆ์จะได้มีอากาศได้อบรม
หรือเทศนาให้กับพุทธศาสนิกชนที่เข้าวัดทำบุญ ฟังธรรม
และถือศีลปฏิบัติธรรมตลอดระยะเวลา 3เดือนที่เข้าพรรษา ซึ่งนั้นคือที่มาและประวัติวันเข้าพรรษาที่เราชาวพุทธต้องรู้และปฏิบัติ
และหากมีเหตุจำเป็นสุดวิสัยจริงๆที่ทำให้ไม่สามารถกลับมาทันได้
ก็ถือว่าไม่อาบัติหรือขาดพรรษาแต่อย่างใด ซึงได้แก่
1.
ถูกโจรปล้น ถูสัตว์ทำร้าย
วิหารถูกไฟไหม้หรือน้ำท่วมจำเป็นต้องไปอยู่ที่อื่นก่อน
2.
ชาวบ้านถูกโจรปล้น จำเป็นต้องย้ายไปพร้อมกับชาวบ้านด้วย
3.
ขาดแคลนยารักษาโรค หรืออาหาร จำเป็นต้องออกไปบิณฑบาต
4.
มีผู้เอาทรัพย์มาล่อ อนุญาตให้หนีไปเสียให้พ้นได้
5.
ภิกษุสงฆ์แตกกันหรือมีผู้พยายามทำให้ภิกษุสงฆ์ในวัดแตกกัน
ให้ไปเพื่อหาทางระงับได้
แต่เหตุเหล่านี้มีน้อย
หรือไม่มีแล้วในปัจจุบัน และมีบางข้อเท่านั้นที่ยังมีให้เห็นได้ เช่น เหตุที่ขาดแคลนอาหารของพระสงฆ์ของวัดที่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน
หรือผู้คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น